logo

FX.co ★ การปรับตัวขึ้นในราคาน้ำมันอาจจะส่งผลต่อตลาดได้

การปรับตัวขึ้นในราคาน้ำมันอาจจะส่งผลต่อตลาดได้

การปรับตัวขึ้นในราคาน้ำมันอาจจะส่งผลต่อตลาดได้


อ้างอิงจากการวิเคราะห์ะบว่า การปรับตัวขึ้นในต้นทุนของน้ำมันอย่างรวดเร็ว ได้ไปกระตุ้นให้เกิดการทิ้งตัวลงของตลาดในระดับโลก ทางด้านผู้เชี่ยวชาญมองว่า การก่อตัวของเหตุการณ์เช่นนี้เป็นธรรมชาติ ที่มีความเกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามข้อตกลงที่มากเกินไปสำหรับ ประเทศที่มีส่วนรวมในการดำเนินการของโอเปก พวกเขาจึงออกมาเตือนให้กับผู้เข้าร่วมให้ทราบถึงแนวโน้มที่ไม่ดีอาจจะเกิดขึ้นตามมา

นับตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาจะพบได้ว่า ราคาน้ำมัน ปรับตัวพุ่งขึ้นมาเกือบถึง 30% ซึ่งทางด้านผู้เชี่ยวชาญ ได้ระบุว่า มันเป็นระดับราคาที่สูงเป็นประวัติการณ์ ในช่วงเวลามากกว่าสองเดือนพบว่า ระดับราคามาตรฐานน้ำมันดิบของเบรนท์ ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นในฤดูหนาว มันจึงเป็นผลทำให้ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ขยับตัวไปอย่างมากเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน โดยมากกว่า 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทางด้านผู้เชี่ยวชาญ เชื่อว่า เหตุผลนี้ มาจากการลดลงของการผลิตน้ำมันจากประเทศสมาชิกในการทำธุรกรรมกับทาง OPEC +

อ้างอิงข้อมูลจากสำนักข่าว Bloomberg ที่ระบุออกมาว่า ในเดือนมกราคม ปี 2017 นั้น ประเทศสมาชิกขององค์กร ได้ปฏิบัติตามภาระผูกพันของพวกเขาแทบทั้งหมด และในช่วงฤดูใบไม้ผลิ พวกเขาก็ดำเนินการได้อย่างเต็มที่ สำหรับการดำเนินการตามแผนของ OPEC + อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น มันจึงเป็นผลทำให้ ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น และตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2017 พบว่า มูลค่าราคาของน้ำมันดิบเบรนท์ ไม่ได้ลดลงไปต่ำกว่า $ 50 ต่อบาร์เรลเลย

ประเทศซาอุดิอาระเบีย ประสบความสำเร็จมากที่สุดในการปฏิบัติตามภาระผูกพันส่วนนี้ ในเดือนมีนาคม ปี2019 พบว่า ทางอาณาจักร ดำเนินแผนการมากไปเกินกว่าที่กำหนดไว้ถึง 160% ในช่วงห้าเดือนที่ผ่านมาของปีนี้พบว่า การผลิตน้ำมันได้ลดลงไปเกือบถึง 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งคิดเป็น 9.8 ล้านบาร์เรล นอกจากนั้น ในบรรดาประเทศต่างๆ ที่อยู่ในกลุ่มพันธมิตร ที่ได้ดำเนินการมากไปกว่าข้อตกลงนั้นถูกพบในแองโกลาและแอลจีเรีย สำหรับ 10 ประเทศที่เข้าร่วม ภายใต้ข้อตกลงของ OPEC + ประเทศคาซัคสถานและเม็กซิโก มีความโดดเด่นมากที่สุด ในช่วงสิ้นเดือนที่ผ่านมา ประเทศรัสเซียได้ขุดวัตถุดิบไปถึง 11.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในขณะที่ ปริมาณตามที่ได้วางแผนไว้ กลับน้อยกว่า 100,000 บาร์เรล

อ้างอิงจากการวิเคราะห์พบว่า การลดลงของการผลิตน้ำมันโดยรวมนั้น สามารถสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อเศรษฐกิจโลกได้ จากความเห็นของคุณ John Kemp ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญแนวหน้าของสำนักข่าวรอยเตอร์ ได้กล่าวไว้ว่า สถานการณ์ในปัจจุบันสำหรับตลาดน้ำมัน มีความคล้ายคลึงกับ สถานการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนการล่มสลาย ของราคาน้ำมันในปี 2013–2014 ในตอนนั้น ตลาดมีการกักตุนน้ำมันไว้อย่างมากมาย และไม่เป็นที่สังเกตของเหล่าผู้เข้าร่วม และในช่วงครึ่งหลังของปี 2014 มันก็ทรุดตัวลงไปอย่างรวดเร็ว มันจึงเป็นผลทำให้ มีวิกฤตในอุตสาหกรรมน้ำมันทั้งหมดและ ด้านการเงินของรัฐบาลในประเทศ ที่พึ่งพาการส่งออกน้ำมัน

ในตอนนี้ สถานการณ์ที่ไม่เหมือนเดิม ได้เกิดขึ้น เมื่อภัยอันตรายได้คุกคามไปถึง ผู้ผลิตน้ำมัน อันมาจากอุปสงค์ของทองคำ ในกรณีที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากนั้น การลดลงของอุปสงค์ ก็จะเพิ่มขึ้น ส่วนน้ำมันจะไม่เป็นที่ต้องการอีกต่อไป และผู้คนจำนวนมากอาจจะหันไปให้ความสนใจกับ ยานพาหนะที่ใช้พลังงานไฟฟ้า และหันไปใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียนทดแทน นอกจากนั้น ประสบการณ์ของทศวรรษที่ผ่านมา ได้แสดงให้เห็นว่า ราคาน้ำมันที่สูงมากเกินไปนั้น ก็เป็นหายนะสำหรับอุตสาหกรรมไฮโดรคาร์บอนได้ เนื่องจากมันมีน้อยมาก นักวิเคราะห์กล่าวว่า ถ้าหากรัฐผู้ดูแลการผลิตน้ำมัน ไม่สามารถทำให้ตลาดมีความสมดุลได้ ผลที่ตามมาภายหลังอาจจะคาดการณ์ไม่ได้อีกต่อไป

*การวิเคราะห์ตลาดตามนี้จัดทำขึ้นเพื่อสร้างความเข้าใจให้กับคุณ แต่ไม่ได้เป็นการชี้แนะแนวทางในการซื้อขาย T
ไปที่หน้ารวมบทความ ไปที่บทความของผู้เขียน เปิดบัญชีเทรด